2 กรกฎาคม 2558

การนำความรู้เรื่องการนำความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อนไปใช้ประโยชน์



     
การนำความรู้เรื่องการนำความร้อนไปใช้ประโยชน์
1.       ภาชนะที่ใช้ในการหุงต้มเช่น ตัวกระทะ หรือ หม้อหุงต้ม ที่ต้องการให้ความร้อนส่งผ่านไปยังอาหารที่ปรุงได้รวดเร็ว จะทำด้วยโลหะ สเตนเลสหรืออลูมิเนียมแต่ส่วนด้ามจับภาชนะหรือหูหิ้วจะเป็นวัสดุประเภทไม้หรือพลาสติก  ซึ่งเป็นฉนวนความร้อน
2.       ภาชนะที่ใช้สำหรับเก็บอาหารที่ปรุงแล้วต้องเป็นภาชนะที่เป็นฉนวนความร้อน  เพื่อให้สามารถเก็บความร้อนไว้ได้นาน  เช่น  พลาสติก  แก้ว  และโฟม  เป็นต้น
3.      ในฤดูหนาวควรจะสวมเสื้อผ้าหรือห่มผ้าที่หนา ๆ ที่ทำด้วยขนสัตว์  หรือสวมเสื้อ
หลาย ๆ ตัว  อากาศที่แทรกอยู่ระหว่างขนสัตว์และเสื้อผ้าแต่ละชั้น  เป็นตัวนำความร้อนที่ไม่ดี  ทำให้การถ่ายโอนความร้อนจากร่างกายออกสู่ภายนอกเป็นไปได้ยาก  จึงทำให้ร่างกายอบอุ่นตลอดเวลา
4.       พื้นของเตารีดจะทำด้วยโลหะ ที่จะนำความร้อนไปสู่ผ้าที่ต้องการรีด แต่มือจับเตารีดจะทำด้วยพลาสติกซึ่งเป็นฉนวนความร้อน
5.       ตัวกระติกน้ำแข็งนิยมทำด้วยพลาสติก เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกไม่ให้ผ่านเข้าไปภายใน อาหารและเครื่องดื่มในกระติกจึงเย็นและสดอยู่เสมอ


6.    กล่องบรรจุอาหารนิยมใช้สไทโรโฟมซึ่งเป็นฉนวนความร้อน ช่วยป้องกันอาหารที่เก็บรักษาไม่ให้สูญเสียความร้อนไปหรือป้องกันไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้าไปข้างในได้ กรณีที่ต้องการเก็บรักษาอาหารให้เย็น
7.      ที่รองอุปกรณ์ปรุงอาหารภายในครัวจะทำด้วยไม้คอร์ก เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นโต๊ะเสียหาย เมื่อนำอุปกรณ์ปรุงอาหารที่ร้อน ๆ มาวางบนโต๊ะ
8.      ถุงมือที่จับภาชนะหุงต้มอาหารจะมีช่องหรือบริเวณที่ใช้เก็บกักอากาศ เพื่อให้อากาศเป็นตัวกันไม่ให้ความร้อนไหลเข้าสู่มือ ขณะจับจาน กระทะ หรือภาชนะอื่น ๆที่ร้อนอยู่
9.    ถ้าข้อมือหรือข้อเท้าเกิดอาการเคล็ด ขัดยอก ให้ใช้ของเย็น ๆ ประคบตรงบริเวณที่เกิดอาการเพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการนำความร้อนออกจากบริเวณร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะช่วยลดการไหลเวียนของเลือด ไม่ให้เกิดอาการปวดบวมมากขึ้นได้


การนำความรู้เรื่องการพาความร้อนไปใช้ประโยชน์
1.      ชาวประมงใช้ประโยชน์จากลมบกลมทะเล โดยการพาความร้อน  ทำให้เกิดกระแสลมในบริเวณต่าง ๆ ทั้งนี้เนื่องจากอุณหภูมิของอากาศในบริเวณ  2  แห่งความแตกต่างกันจึงทำให้อากาศเย็นเคลื่อนเข้าไปแทนที่อากาศร้อน  ตัวอย่างเช่น  การเกิดลมบก  ลมทะเล โดยลมบกและลมทะเลเกิดจากการพาความร้อนของอากาศซึ่งในเวลากลางวันพื้นดินดูดซับความร้อนได้ดีกว่าพื้นน้ำ  ทำให้มีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นน้ำอากาศเหนือพื้นดินมีความหนาแน่นน้อย  จึงลอยตัวขึ้น  อากาศเหนือพื้นน้ำที่เย็นกว่าจะพัดเข้ามาแทนที่  เกิดการหมุนเวียนของอากาศ  คือ  มีลมพัดจากทะเลเข้าสู่ฝั่ง  เรียกว่า  ลมทะเล ซึ่งชาวประมงใช้ประโยชน์ในการนำเรือประมงที่ออกหาปลาในเวลากลางคืนกลับเข้าฝั่ง พอถึงเวลากลางคืนพื้นดินคายความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ำ  พื้นน้ำจึงมีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นดิน  ดังนั้นอากาศบริเวณเหนือพื้นน้ำซึ่งมี  ความหนาแน่นน้อยกว่าจะลอยตัวสูงขึ้น  อากาศที่เย็นกว่าเหนือพื้นดินจะเคลื่อนมาแทนที่เกิดเป็นลมพัดจากพื้นดินออกสู่ทะเล  เรียกว่า  ลมบกซึ่งชาวประมงใช้ประโยชน์ในการนำเรือประมงออกหาปลาในเวลากลางคืน
2.       ใช้ในการประดิษฐ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น กาต้มน้ำร้อน  เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น
เครื่องปรับอากาศ

           
ตารางแสดงความแตกต่างระหว่างการนำความร้อนและการพาความร้อน
การนำความร้อน
การพาความร้อน
1. ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสารที่มีสถานะเป็นของแข็ง
1.ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสารที่มีสถานะเป็นของไหล
   ( ของเหลวและแก๊ส )
2. ความร้อนสามารถไหลเวียนไปในทิศทางใด ๆ ก็ได้
2. ความร้อนไหลขึ้นไปสู่เบื้องบน
3. พลังงานความร้อนจะส่งผ่านโมเลกุลของสารที่มี
    สถานะเป็นของแข็ง โดยที่โมเลกุลของสารนั้นไม่
    เคลื่อนที่
3. ของไหล ( ตัวกลางที่มีอุณหภูมิสูง ) จะเคลื่อนที่อย่าง
       อิสระ และนำพลังงานติดตัวอนุภาคของของไหล
    ไปยังที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า
        
   


การนำความรู้เรื่องการแผ่รังสีความร้อนไปใช้ประโยชน์
1.      การใช้แผ่นอะลูมิเนียมฟอยด์  (aluminium  foil)  ห่ออาหารเนื่องจากแผ่นอะลูมิเนียมฟอยด์มีสีเงินและเป็นมันซึ่งสมบัติในการแผ่รังสีความร้อนได้ช้า  จึงทำให้อาหารที่อยู่ภายในร้อนอยู่ได้นานกว่าปกติ
2.       ภาชนะบรรจุน้ำร้อนเช่น  กระติกน้ำร้อน  ควรจะมีสีอ่อน ๆ หรือเป็นมันวาว
                     เพราะจะสามารถเก็บความร้อนได้ดีกว่าภาชนะที่มีสีดำ  เนื่องจากวัตถุที่มีสีเข้มจะแผ่
                     รังสีความร้อนได้ดีกว่าวัตถุที่มีสีอ่อน
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น